บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2023

ความเสี่ยงโรคหัวใจ ของนักกีฬา

    สาเหตุที่ทำให้นักกีฬาเสียชีวิต หรือ Sudden cardiac death (SCD) มักเกิดจากปัญหาของหัวใจ จากการรวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตของนักกีฬาอายุน้อย (<35 ปี) ในประเทศสหรัฐอเมริกามากกว่า 1400 ราย พบว่า 36% มีสาเหตุมาจากเกิดจากภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic cardiomyopathy) 17% มีสาเหตุมาจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ (Anomalous origin of a coronary artery) และ 4% มีสาเหตุมาจากระบบนำคลื่นไฟฟ้าของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ           นอกจากนั้นก็เป็นสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้นักกีฬาเกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก ก่อนจะเสียชีวิตลง ในปัจจุบันมีการตรวจสุขภาพหัวใจด้วยเทคโนโลยีที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสามารถตรวจคัดกรองสาเหตุดังกล่าวได้จำนวนเกินครึ่งของสาเหตุที่ทำให้นักกีฬาเสียชีวิต โดยที่ไม่เคยมีอาการเตือนมาก่อน ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติก็จะมีผลกระทบต่อการทำงานบีบตัวของหัวใจ ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต นำออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย           โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ซึ่งกลุ่มโรคของกล้ามเนื้อหัวใจที่ทำให้เกิดปัญหาในนักกีฬานั้น มักเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ (Hypertrophic c

ท่าออกกำลังกายช่วยอาการปวดหลัง

  ในยุคปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้นิสัยใจคอ สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงเสื้อผ้าหน้าผมอย่างเดียวเท่านั้น ยังหมายถึงท่าทางหรือท่วงท่าการเดินอีกด้วย ดังนั้นการดูแลท่าทางและลักษณะที่เหมาะสมของร่างกายจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเมื่อคุณมีท่วงท่าการเดิน หรือการนั่งที่ดีและสง่างามนั้นจะช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหาร เสริมสมรรถภาพร่างกาย เช่น การขยายปอดให้หายใจได้ดียิ่งขึ้น ลดระดับความเครียด ปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย และช่วยจิตใจมีสมาธิมากขึ้น         ในทางกลับกัน ถ้าท่วงท่าร่างกายของคุณอยู่ในลักษณะที่ไม่ดี ก็อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการปวดหลัง ระบบไหลเวียนโลหิตย่ำแย่ และความอึดอัดภายในทรวงอก เป็นต้น       ดังนั้น คุณจึงควรที่จะรักษาและดูแลเพื่อให้ร่างกายมีท่าทางทีเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง คอ และไหล่ ด้วยวิธีการบริหารร่างกายที่ง่ายดายอย่างการบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หลายชิ้น และยังสามารถทำได้ที่บ้าน สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ         สำหรับท่าออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อที่เร

โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ และวิธีการออกกำลังกายเพื่อรักษา

  โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ      เกิดจากการที่เส้นประสาทแขนถูกขนทับขณะที่ลอดผ่านที่ยึดบริเวณด้านหน้าข้อมือ เนื่องจากมีการหนาตัวขึ้นของเอ็นยึดดังกล่าว ทำให้ไปกดรัดเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและรับความรู้สึกที่ฝ่ามือ ส่งผลให้มีอาการบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และบางส่วนของนิ้วนาง อาจมีการฝ่อลีบของกล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือด้านนิ้วหัวแม่มือและมีอาการปวดร่วมด้วย ทำให้หยิบจับสิ่งของไม่ถนัด   สาเหตุ       เกิดจากการบวมของเอ็นพังผืดที่โอบล้อมยึดกระชับเส้นเอ็นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ทำให้เส้นประสาทถูกกดรัดได้      พบได้บ่อยใน ผู้สูงอายุ และผู้ที่ใช้มือทำงานในลักษณะกระดกมือ หรือกำนิ้วมือตลอดเวลา เช่น งานเย็บปักถักร้อย งานอุตสาหกรรม งานครัว หั่นผัก สับมือ งานทำความสะอาด การเขียนหนังสือมาก ๆ หรือการนอนทับมือเป็นเวลานาน เป็นต้น อาการ       มีอาการชา คล้ายเป็นเหน็บบริเวณฝ่ามือและนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง อาการอาจเกิดได้ทุกช่วงเวลา      - ถ้ามีอาการในตอนกลางคืน สาเหตุอาจมาจากการนอนงอข้อมือหรือนอนทับข้อมือ      - ถ้ามีอาการในตอนกลางวัน อาจจะเกี่ยวกับก

ประโยชน์ของกล้วยในการออกกำลังกาย

  The-benefits-of-eating-bananas.“กล้วย” อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต มีน้ำตาลและแป้งที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย โดยกระบวนการย่อยอาหารจะแปลงคาร์โบไฮเดรตในกล้วยให้เป็นน้ำตาลจากนั้นจะเดินทางตามกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆทั่วร่างกายเพื่อเป็นพลังงาน สำหรับผู้ที่เลือกกินอาหารที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีอาการเหนื่อยง่ายเฉื่อยชา ประสิทธิภาพการออกกำลังกายลดลง nadalโดยปกติเราควรกินมื้อใหญ่ก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ซึ่งร่างกายจะนำพลังงานไปใช้ในการออกกำลังกาย แต่ถ้าเหลือเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกายก็ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อใหญ่ เพราะจะทำให้อึดอัดแน่นท้อง ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่ายเนื่องจากระบบย่อยอาหารต้องทำงานอย่างหนัก สิ่งที่ควรทำคือการกินมื้อเล็กเท่านั้น ซึ่งกล้วยเป็นผลไม้ที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นแหล่งรวมคาร์โบไฮเดรตที่ดีเยี่ยม ร่างกายนำมาใช้เป็นพลังงานได้ง่าย-เร็ว และใช้ได้เป็นระยะเวลานานๆ เหมาะสำหรับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ   Banana-Puddingซึ่งหลายคนอาจเลือกกินอาหารก่อนออกกำลังกายเป็นอาหารจำพวกน้ำตาล เช่น พาวเวอร์บาร์ หรือช็อกโกแล็ต รวมไปถึงเครื่องดื่มที่ให้พล

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย

  ประโยชน์ของการออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอในปริมาณที่มากพอ จะทำให้มีสุขภาพดี ป้องกันโรคเรื้อรังได้หลายโรค ส่วนใหญ่เป็นโรคในกลุ่มเมตาบอลิก (กลุ่มอาการเมตาโบลิก) เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง นอกจากนั้นยังลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม เป็นต้น นอกเหนือจากนั้น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยังทำให้ป้องกันโรคซึมเศร้า ช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัว ทำให้ความเสี่ยงต่อการล้มลดลงโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และการออกกำลังกายในบางลักษณะที่มีแรงกระแทกกระทำต่อร่างกายที่มากพอ จะช่วยเพิ่มมวลกระ ดูกในเด็กและวัยรุ่น หรือช่วยชะลอทำให้มวลกระดูกลดลงช้ากว่าคนทั่วไปได้ในกรณีผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงต่อการเกิดกระดูกหักเมื่อมีการล้ม หรือ การกระแทกที่กระดูกได้ ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทีเด็ดบาส ข่าวที่น่าติดตาม : ทีเด็ดบาสวันนี้

รวมเคล็ดลับสร้างสุขภาพดี

  1. หามีโอกาสรู้จักลองทาน คีนัว (Quinoa) พืชที่ใช้เป็นอาหารในอเมริกาใต้ เป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนคล้ายกับที่มีในน้ำนม  2. หลังตื่นนอน ดื่มน้ำก่อน เพราะการนอนทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้  3. กล้วยเป็นแหล่งพลังงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด ให้พลังงานต่อผลเพียง 99 แคลอรี่ และไขมันเพียง 0.1 กรัม  4. เอาอัลมอนด์แช่น้ำค้างคืน จะช่วยทำให้ enzyme inhibitor ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ขัดขวางการย่อยเกิดการแตกตัว ทำให้การย่อยอัลมอนด์ได้ง่ายขึ้น  5. ออกกำลังกายแค่ 30 นาทีก็พอ เพราะออกกำลังกายอย่างหนักหรือออกกำลังกายต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผลที่ได้พอๆ กัน  6 .เพิ่มกากใย  7. เลือกกิน whole foods หรืออาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือมีการแปรรูปน้อยที่สุด รวมทั้งไม่เติมส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อปรุงรส เช่น แป้ง หรือไขมัน กินผักใบเขียวให้มากขึ้น รวมทั้งมะเขือเทศ มันเทศ สาหร่ายสไปรูลินา ลูกเบอร์รี ดาร์กช็อกโกแลต ชาขาว ถั่วเหลือง ลินซีด (เมล็ดแฟล็กซ์) บร็อกโคลี และกะหล่ำปลี เพราะเป็นแหล่งพฤกษเคมีที่ช่วยเสริมสุขภาพ  8. นวด เพื่อเยียวยา ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายจากอาการเกร็ง กระตุ้นการ
 ทำไมเราจึงต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ? ก่อนออกกำลังกายควร warm up อย่างไร ? วิธีการเตรียมความพร้อมด้วยการวอร์มอัพก็ง่ายๆ เลย เพียงแค่ซอยเท้าอยู่กับที่ หรือเดินเร็วๆ เพื่อให้มีเหงื่อออกเพียงเล็กน้อย หรือจะควงแขนหมุนมือไปข้างหน้า ข้างหลัง ขยับหลัง ขยับไหล่ ทำอย่างต่อเนื่องเบาๆ ประมาณ 5 นาที แล้วยืดกล้ามเนื้อด้วยการเหยียดแขน เหยียดขา เหยียดศอก เหยียดไหล่ แต่ทุกๆ ค้างไว้ 5 วินาที จะช่วยให้ร่างกายได้เตรียมพร้อมเพื่อที่จะออกกำลังกายในขั้นต่อไปได้  การ Cool Down เพื่อลดการบาดเจ็บคืออะไร ? Cool Down ด้วยการเดินช้าๆ ก็ช่วยได้นะ หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ให้เดินช้าๆ เป็นเวลาประมาณ 10 นาที ขั้นตอนนี้จะช่วยปั๊มสารแล็กติกแอ็กซิสที่คั่งค้างอยู่ภายในกล้ามเนื้อ ส่งไปให้ตับกับไตขจัดทิ้ง หากเราไม่ทำการ Cool Down สารแล็กติกแอ็กซิสที่อยู่ในกล้ามเนื้อ ก็จะทำให้เรารู้สึกปวดเมื่อยตามแขน ขา หรืออวัยวะที่มีการออกกำลังมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นการ Cool Down ก็คือการปั๊มเลือดผ่อนส่งคืนหัวใจเรื่อย ๆ เป็นเวลา 3 – 5 นาที ผลของมันก็คือ จะทำให้เลือดอยู่ที่กล้ามเนื้อน้อยลง และกลับไปที่หัวใจมากขึ้น ทำให้เราเหนื่อยน้อยล