บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2023

ออกกำลังกายก็สวยได้ 10 วิธีง่ายๆ ดังนี้

  สวมใส่ชุดที่ทำให้หุ่นเพรียวขึ้น       ในขณะที่แฟชั่นไปอะไรที่เดี๋ยวมาแล้วก็ไป แต่แฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการเลือกสวมใส่ชุดที่ทำให้หุ่นเข้ารูป หากคุณลองชุดแล้วไม่แน่ใจว่าจะซื้อดีหรือเปล่า ก็จงอย่าซื้อเพราะมันจะไม่เปลี่ยนทรงเหมือนสื้อผ้าทั่วๆไป เลือกสวมชุดที่ใส่แล้วดูเพรียว กระชับขึ้น เน้นสัดส่วนในบริเวณที่คุณภูมิใจ       เลือกเนื้อผ้าที่ระบายอากาศดี       คราบเหงื่อตามเสื้อผ้าไม่เคยทำให้ใครดูดี แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ง่ายๆด้วยการฉีดยาดับกลิ่นลดการขับเหงื่อ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังจะไปออกกำลังกายแบบที่จะทำให้เกิดเงหื่อเยอะๆ โดยให้สวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุอย่างเส้นใยโพลีเอสเตอร์, ไนลอน หรือสแปนเด็กซ์ ซึ่งมีน้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี       แต่งหน้าเบาๆแบบธรรมชาติๆ       การไม่แต่งหน้าเลยอาจจะเป็นอะไรที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปออกกำลังกาย แต่บางคนก็อดไม่ได้จริงๆต้องขอแต่งอะไรซักหน่อยก่อนจะกล้าออกจากบ้านไปไหน คุณอาจลองลงมอยเจอร์ไรเซอร์หรือฟาวน์เดชันบางๆ ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย ลดความมัน หรืออาจจะใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำคู่

ออกกำลังแบบลดน้ำหนัก กับแบบเล่นกล้ามแตกต่างกันแบบไหน

  สำหรับเรื่องการออกกำลังกายนั้น หลายคนก็จะมีเหตุผลที่จะมาออกกำลังกายที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ การออกกำลังกายเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงง เป็นต้น แต่สำหรับหัวข้อนี้ เราจะสนใจเรื่องความแตกต่างกันของการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ โดยคนที่ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อจะเน้นการออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น ถ้าต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อส่วนต้นแขนก็จะออกกำลังกายเน้นเฉพาะส่วนช่วงต้นแขนเท่านั้น โดยจะมีหลายวิธีการออกกำลังกายที่จะเพิ่มกล้ามเนื้อได้ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบส่วนบุคคล แต่สำหรับคนที่จะออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักจะเน้นว่าวิธีการใดจะให้น้ำหนักลดลง โดยมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก เช่น การควบคุมอาหาร การดำเนินชีวิต การควบคุมความเครียด และการออกกำลังกาย โดยการออกกำลังกายจะช่วยการเผาผลาญพลังงานที่ต้องการลดน้ำหนักประมาณ 300 - 400 กิโลแคลอรี/วัน หรือ 1000 - 2000 กิโลแคลอรี/สัปดาห์ โดยจะต้องออกกำลังกาย 3-5 วัน/สัปดาห์ หรือทุกวัน และใช้เวลาการออกกำลังกายประมาณ 40-60 นา

อาการข้อเข่าเสื่อม สาเหตุเกิดจากการวิ่งจริงหรือไม่

 ผมเชื่อว่านักวิ่งหลายท่านคงจะเคยได้ยินคนอื่นๆ (ที่ยังไม่ได้เริ่มวิ่ง) พูดถึงเรื่อง การวิ่งมากไปทำให้เข่าเสื่อม กันมาบ้างใช่ไหมครับ ซึ่งทำให้หลายๆ คนยังไม่กล้าเริ่มวิ่งออกกำลังกาย เนื่องมาจากกลัวอาการเข่าเสื่อมนี่แหละครับ ผมลองหาข้อมูลตามที่ต่างๆ พบว่ามีข้อมูลจากหลายแหล่งที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วมีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมากครับจะให้บอกทั้งหมดคงไม่ไหว ขออนุญาตินำเสนอ 3 งานวิจัยที่มีคุณภาพดีแล้วกันครับ งานวิจัยแรกคือของ Eliza Chakravarty จากมหาวิทยาลัย Standford ที่ศึกษากลุ่มนักวิ่ง 45 คน เทียบกับกลุ่มที่ไม่วิ่ง 53 คน เป็นเวลา 18 ปี พบว่าอัตราการเกิดข้อเข่าเสื่อมในกลุ่มนักวิ่งน้อยนั้นกว่ากลุ่มที่ไม่วิ่งถึง 20% (เทียบกับ 32%) อ่านไม่ผิดหรอกครับ! กลุ่มนักวิ่งมีอาการข้อเข่าเสื่อมน้อยกว่าด้วยซ้ำ อีกงานวิจัยเป็นของ David Felson ซึ่งศึกษาข้อมูลในผู้เข้าร่วมวิจัย 1,279 คน พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่าง การวิ่งกับอัตราการเกิดข้อเข่าเสื่อมเช่นกัน นอกจากนี้ในปี 2013 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยอีกงานที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาโดย Paul Williams ได้ตีพิมพ์งานวิจัย ที่ศึกษากลุ่ม นัก

เหงื่อจากการออกกำลังกาย มีประโยชน์กว่าที่คุณคิด

 เหงื่อทำหน้าที่ระบายความร้อนและยังทำหน้าที่ขับของเสียและสารพิษต่างๆ ออกมาทางผิวหนังได้ด้วย มาล้างพิษให้ออกทางผิวหนังกันดีกว่า 1. การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ได้เหงื่อเยอะและง่าย แถมยังส่งดีต่อสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหวเวียนดี    2. การอบสมุนไพร ให้ผลดีในการบำบัดโรคและฟื้นฟูสุขภาพ เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ลำเลียงสิ่งตกค้างที่ร่างกายมีมากเกินความต้องการ ออกมาขับทิ้งทาง “รูเหงื่อ” ได้สะดวก   3. การดื่มเครื่องดื่มสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยขับเหงื่อ เช่น ซุปหัวหอม ชาตะไคร้ ขิง พริกไทย ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  ผลบอลสดวันนี้ ข่าวที่น่าติดตาม :  ผลบอลประจำวันนี้

5 เคล็ดลับ ให้เผาผลาญได้สูงที่สุด

 การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพหัวใจ และยิ่งต้องทำหากคุณอยู่ในช่วงกำลังลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือ เข้าคลาสคาร์ดิโอต่างๆ เคล็ดลับดังต่อไปนี้จะทำให้หัวใจเราสูบฉีดมากกว่าเดิม 1.วิ่งเร็วในระยะสั้น สลับกับความเร็วปานกลาง จะทำให้เผาผลาญแคลอรี่ สร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้มากขึ้น 2.คาร์ดิโอส่วนใหญ่มักจะใช้ขาเป็นหลัก ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากเราคาร์ดิโอที่แขนด้วย เปลี่ยนจากการวิ่งบนลู่วิ่งแบบเดิมๆที่ต้องจับแท่นจับ มาเป็นการสวิงแขนไปด้วยขณะวิ่ง คิดท่าใหม่ๆที่ใช้แขนขณะอยู่ในสระน้ำไปด้วย หรือแม้เข้าคลาสอื่นๆก็ตาม แทนที่จะวางแขนไว้ที่ข้างกายของคุณ 3.ขยายเวลาออกกำลังกายให้มากขึ้นอีกจากปกติ 30-45 นาที โดยขยายเพิ่มอีกซัก 5 นาทีจากเวลาปกติ 4. คาร์ดิโอมากกว่า 2 ชนิดใน 1 อาทิตย์ ไม่จำเป็นที่ว่าเราจะต้องคาร์ดิโอซ้ำๆเดิมๆ แบบเดียวกันทั้งอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และป้องการกันบาดเจ็บจากออกกำลังกายแบบเดิมๆได้อีกด้วย 5. เพิ่มความท้าทายให้กับคาร์ดิโอของคุณ เช่น เพิ่มการวิ่งแบบยกเข่าสูงขึ้นมา  ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทีเด็ดบาส ข่าวที่น่าติดตาม : ท

อาการข้อเข่าเสื่อม สาเหตุเกิดจากการวิ่งจริงหรือ ?

 ผมเชื่อว่านักวิ่งหลายท่านคงจะเคยได้ยินคนอื่นๆ (ที่ยังไม่ได้เริ่มวิ่ง) พูดถึงเรื่อง การวิ่งมากไปทำให้เข่าเสื่อม กันมาบ้างใช่ไหมครับ ซึ่งทำให้หลายๆ คนยังไม่กล้าเริ่มวิ่งออกกำลังกาย เนื่องมาจากกลัวอาการเข่าเสื่อมนี่แหละครับ ผมลองหาข้อมูลตามที่ต่างๆ พบว่ามีข้อมูลจากหลายแหล่งที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วมีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมากครับจะให้บอกทั้งหมดคงไม่ไหว ขออนุญาตินำเสนอ 3 งานวิจัยที่มีคุณภาพดีแล้วกันครับ งานวิจัยแรกคือของ Eliza Chakravarty จากมหาวิทยาลัย Standford ที่ศึกษากลุ่มนักวิ่ง 45 คน เทียบกับกลุ่มที่ไม่วิ่ง 53 คน เป็นเวลา 18 ปี พบว่าอัตราการเกิดข้อเข่าเสื่อมในกลุ่มนักวิ่งน้อยนั้นกว่ากลุ่มที่ไม่วิ่งถึง 20% อ่านไม่ผิดหรอกครับ! กลุ่มนักวิ่งมีอาการข้อเข่าเสื่อมน้อยกว่าด้วยซ้ำ อีกงานวิจัยเป็นของ David Felson ซึ่งศึกษาข้อมูลในผู้เข้าร่วมวิจัย 1,279 คน พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่าง การวิ่งกับอัตราการเกิดข้อเข่าเสื่อมเช่นกัน  นอกจากนี้ในปี 2013 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยอีกงานที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาโดย Paul Williams ได้ตีพิมพ์งานวิจัย ที่ศึกษากลุ่ม นักวิ่ง 74,752 คน

วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-0 ลิเวอร์พูล เก็บตกประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก

เกมรับหละหลวมโดนนำก่อนเป็นเรื่องปกติ ออกสตาร์ทด้วยการยากลำบากเสมอสำหรับลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในปีนี้ และการมาเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าแนวรับเปื่อยยุ่ยยิ่งกว่าทิชชู่ โจเอล มาติป และ โจ โกเมซ กลับมาจับคู่กันอีกครั้งในรอบหลายเกมที่ผ่านมา เนื่องจากตัวจริงอย่าง อิบราฮิมา โกนาเต้ และ เวอร์จิล ฟาน ไดจค์ ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการเปลี่ยนแนวรับแบบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก็ทำให้ ลิเวอร์พูล โดนนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 5 และ 12 จากความผิดพลาดส่วนบุคคล ก่อนจะโดนบวกลูกที่ 3 นาที 71 ปิดกล่องแบบเจ็บปวดสุดๆ มีปัญหาทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่แนวรับที่มีปัญหา โดยแผงกองกลางอย่าง สเตฟาน บายจ์เซติช, ติอาโก้ อัลคันทาร่า และ นาบี เกอิต้า ไม่สามารถเบรกเกม วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้เลย แถมไม่สามารถคุมจังหวะ หรือสร้างสรรค์เกมรุกได้มากพอ แม้ในครึ่งหลังจะดูกระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ใช่ฟอร์มระดับมาสเตอร์คลาสที่พลิกผลการแข่งขันได้ ส่วนแนวรุกอย่าง โคดี้ กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แทบจะต่อกันไม่ติด แถมยังต่างคนต่างเล่นอีกต่างหาก นักเตะหมดความมั่นใจ และการบ้านของ คล็อปป์ ไม่น่าจะมีอะไรย่ำแย่ไปกว่านี้อี

10 อาหารเพื่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง ?

  1. เบอร์รี่            แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว 2. ไข่ไก่            ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา  3. ถั่ว            ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม  4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์            เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย 5. ส้ม